อดีตโชว์รูมของบริษัทนำเข้าสุราญี่ปุ่น Bacchus Global (แบรนด์ Yamazaki และ Hibiki) ที่เคยสงวนเป็นที่ลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับเหล่าบาร์เทนเดอร์ก่อนนำไปใช้ในสำนักของตัวเอง โดยตอนนี้ได้ผันตัวมาบาร์ที่เปิดให้คนทั่วไปให้เข้ามาลิ้มลองรสสุราจากแดนอาทิตย์อุทัยกันแล้ว

มองเผินๆ คงไม่ทันสังเกตว่าตึกแถวเก่าๆ หน้าตาดูคล้ายบ้านไม้ญี่ปุ่นตามกรุงโตเกียวหลังนี้ จะซ่อนทำเลเด็ดของย่านนี้เอาไว้ หากมาถึงให้มองหาป้ายร้าน Hanakurata ไว้กันหลง พอเปิดประตูบานทึบเข้าไปก็จะพบกับสารพัดสปิริตญี่ปุ่นชั้นดีจาก Bacchus Global วางเรียงรายบนชั้นตั้งโชว์ซึ่งจัดไฟแบบสลัวๆ หลังบาร์ไม้ ที่ทางร้านยังคุมธีมไล่มาถึงการใช้เก้าอี้หวายเบาะนวม แทนเก้าอี้ทรงสูงแบบบาร์ทั่วๆ ไป ป้ายแบรนด์สินค้าจากสมัยเปิดเป็นโชว์รูมที่แปะอยู่ตามผนังกำแพงพอรวมเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ ในร้าน ทำให้ดูแล้วคล้ายกับงานศิลป์ญี่ปุ่นไปอีกแบบ

หากเดินลงไปสุดทางชั้นล่างของระเบียงหิน (ที่มีความคล้ายกับปราสาทเก่าๆ ตามแบบในหนังสักเรื่อง) จะเจอห้องน้ำที่มีส้วมไฮเทคตามสไตล์ญี่ปุ่นให้เราใช้บริการกัน ส่วนใครต้องการสูบบุหรี่สามารถไปจับจองที่นั่งบนชั้นสองที่กั้นโซนไว้เป็นส่วนตัวกันได้เหมือนกัน

ลูกเล่นสุดแพรวพราวคือพระเอกของร้านนี้ และแน่นอนว่าเบื้องหลังความเรียบง่าย แต่ซับซ้อนของเครื่องดื่มแต่ละแก้วนั้น คือผลงานของ เคอิ ซาวาดะ เฮดบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์ที่คอยชั่งตวงส่วนผสมอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เราประเดิมแก้วแรกกันด้วยจินและโทนิค (380 บาท) ซึ่งเบสเป็นดรายด์จิน Ki No Bi Kyoto กลั่นจากมัทฉะและส้มยุซุ ผสมกับโทนิคกลิ่นดอกเอลเดอร์ Fever Tree จากนั้นเพิ่มความหวานด้วยไซรัปดอกเอลเดอร์และเติมกลิ่นหอมจากช่อสมุนไพรหกชนิดที่ใส่มาตกแต่งในแก้ว แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มบรรเลงฝีมือทำ G&T ให้เราจิบกัน เคอิ ซาวาดะได้โชว์กรรมวิธีการเตรียมแก้วค็อกเทลแบบญี่ปุ่นโดยเริ่มจากใส่น้ำแข็งกับน้ำแล้วคนเร็วๆ ก่อนจะรินส่วนผสมที่หนักกว่า ตามลงไป

ตัวที่สองที่เราอยากนำเสนอคือ Old Fashioned (380 บาท) ที่ใช้วิสกี้ Suntory Chita เป็นเบสมิกซ์กับบิทเทอร์ชาเขียวที่เคซังหมักเอง ใส่ Kuromitsu ไซรัปน้ำตาลทรายแดงแบบญี่ปุ่น แต่งแก้วด้วยแอปเปิ้ล องุ่น ส้ม กุหลาบสด เพิ่มกลิ่นด้วยแท่งอบเชย

ปิดท้ายกันด้วยโมฮิโทสไตล์ญี่ปุ่น (380 บาท) ที่เคอิ ซาวาดะหันมาใช้โชจูอินฟิวส์กับมินต์ และน้ำตาลทรายแดงญี่ปุ่นแทนเหล้ารัม แล้วนำไปผสมกับสาเกอินฟิวส์เปลือกส้มและไธม์ ไซรัปรัมแอปเปิ้ล Calvados ตกแต่งแก้วด้วยช่อใบมินต์ ถือเป็นอันเสร็จ ทว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้บาร์แห่งนี้พิเศษกว่าเจ้าอื่นๆ คือเครื่องแท็ปไวน์สุดไฮเทคที่ให้เราได้เลือกชิมไวน์สัญชาติญี่ปุ่นเกรดไฮเอนด์เป็นแก้วกันได้ สำหรับไวน์ที่เราอยากแนะนำคือ Rubaiyat Koshu Lur Lie ปี 2014 ที่ให้รสฟรุตตี้สุดสดชื่นหอมกลิ่นองุ่นจากไร่จังหวัดคาซึนุมะ ในราคาแก้วละ 290 บาท และ 1,600 บาทต่อขวด

โดยสรุปแล้ว ร้านนี้เป็นร้านที่เราอยากบอกต่อในฐานะบาร์คลาสสิกค็อกเทลในราคาที่เราไม่ต้องกลัวว่าเข้ามาแล้วต้องเดินขาลากกลับบ้าน (เพราะไม่มีตังค์) แถมที่นี่ยังมีเครื่องดื่มปิดท้ายเป็นชาเอิร์ลเกรย์ Cold Drip ท็อปมากับเปลือกส้มไว้เพิ่มความสดชื่น แก้แฮงก์ก่อนกลับบ้าน