ชวนคุยเรื่องความฝัน ความเป็นเพื่อนและนิยามประชาธิปไตยในยุครัฐบาลทหารกับ “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

สำรวจทัศนคติของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่น่าจะใหม่สมชื่อพรรค
5 years 8 months ago
By BK Staff | Aug 01, 2018

ภายใต้แรงกดดันทางการเมืองในยุครัฐบาลทหาร ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ ‘เอก’ อดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท (บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แนวหน้าของไทย) ที่ผันตัวเองมาเป็นนักกิจกรรมและนักการเมืองเต็มตัว ครั้งนี้นอกจากบทบาททางการเมืองที่ได้รับความสนใจจากสื่อและคนรุ่นใหม่อย่างล้นหลามจนได้รับฉายา "ไพร่หมื่นล้าน” คุณเอกยังเปิดเผยถึงเบื้องหลังชีวิตในวัย 40 ปีว่าอะไรที่ทำให้คุณเอกเป็น “เอก” ในฐานะหัวหน้าพรรค และนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังตั้งตารอการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเลือกตั้งชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทยในอีก 20 ปี

ความฝันในวัยเด็ก

ตอนนั้นผมฝันอยากเป็นเยอะแยะไปหมด ส่วนมากแล้วความฝันของผมไม่ได้มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่อยากเป็นแน่ๆ คือการเป็นนักธุรกิจ ผมไม่ชอบพวกบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ได้กลายมาเป็นอาชีพที่ผมทำอยู่ สมัยก่อนผมอยากทำงานกับพวกองค์กรไม่แสวงหากำไร (NGO) อยากช่วยเหลือชาวบ้านในทวีปแอฟริกา ประเทศแอลจีเรีย เพราะผมคิดว่าน่าจะทำประโยชน์ให้พวกเขาได้ แต่เผอิญว่าพ่อผมเสียก่อน ผมเลยต้องมารับช่วงต่อ จึงไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านั้น

ความเป็นเพื่อน

ตอนผมอายุ 18 ผมเคยยึดถือว่าความเป็นเพื่อนอยู่เหนือทุกสิ่ง สมัยนั้นผมยังมองไม่ขาดว่ามันเป็นปัจจัยหลักของระบบอุปถัมถ์

บทเรียนจากครอบครัว

ผมได้รู้ว่าชีวิตของชนชั้นแรงงานหน้าตาเป็นแบบไหน ตั้งแต่ผมป.4 คุณแม่ก็จะหางานพาร์ทไทม์ให้ทำทุกปิดเทอม  ผมเริ่มจากงานแพ็คของในโรงงาน ได้ค่าแรงวันละ 30 บาท ถัดมาเป็นพนักงานในร้านอาหาร คอยเสิร์ฟ จัดโต๊ะ ทำงานในครัวเป็นลูกมือพ่อครัว อีกงานหนึ่งที่ได้ทำเป็นพนักงานยกกระเป๋าและทำความสะอาดของโรงแรม เรียกได้ว่าทุกงานที่ได้ทำสอนให้ผมเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขามากขึ้น

สิ่งที่เรียนรู้จากการเป็นผู้บริหาร

ผมได้ข้อคิดหลายอย่างจากตำแหน่งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกธุรกิจคือความเชื่อใจ คุณต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือและเชื่อใจคนอื่่นเป็น นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการจากทำธุรกิจของครอบครัว วันแรกๆ ที่เข้ามาทำงานในบริษัท ผมไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ต้องใช้เวลาสักพักในการเริ่มต้นใหม่ ทั้งเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ จะติดต่อเจรจาธุรกิจยังไง กระบวนการจัดซื้อมีอะไรบ้าง

2-3 ปีให้หลังมานี้คือช่วงที่ชีวิตผมลงตัวที่สุด

ทุกอย่างมันลงตัว ทั้งงาน ครอบครัวและเวลาส่วนตัว แต่เวลา 24 ชั่วโมงก็ยังไม่พออยู่ดี ผมเลยหาจุดกึ่งกลาง ปกติแล้ว ผมใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือ ถ้าไม่อ่านหนังสือผมก็จะอยู่กับครอบครัว นอกนั้นก็ออกไปผจญภัย แต่หลังจากผันตัวมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ผมก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่แล้ว (หัวเราะ)

มีหลายคนที่ผมอยากเชิญมาทานมื้อเย็นที่บ้าน

ผมอยากเชิญนางแองเกล่า มาร์เคล เพราะเธอเป็นผู้ยืนหยัดในหลักการของความถูกต้อง  แต่เอาเข้าจริง กลุ่มคนที่ผมอยากเชิญมาทานข้าวด้วยมากกว่า คือกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พวกเขาเป็นคนที่ลุกขึ้นสู้เพื่อจุดหมายบางอย่าง หลายครั้งที่พวกเขาโดนฟ้องร้อง ข่มขู่ให้ไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหวอีก แต่พวกเขากลับยังต่อสู้เพื่อคนอื่น ทั้งๆ ที่ขาดความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมมองว่าพวกเขาเท่ดี

ความหมายของประชาธิปไตย

ส่วนตัวผมความหมายของประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเลย หัวใจหลักของประชาธิปไตยคืออำนาจในการปกครองประเทศควรเป็นของประชาชน

3 เดือนของการเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

การได้มายืนในตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ผมได้ยินกระแสความคิดและความเอือมระอาของผู้คน ซึ่งส่วนนี้เองเป็นตัวจุดชนวนให้ผมอยากผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง หลายครั้งผมได้เจอผู้คนที่บอกว่าหมดหวังกับการเมืองไทย แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ อย่าหมดหวัง ยังมีอีกหลายเสียงเล็กๆ ที่รู้สึกและคิดเหมือนกับคุณข้างนอกนั่น นั่นก็คือความหวังที่ทุกคนอยากเห็นอนาคตของประเทศไทยในทิศทางที่ดีกว่านี้

ผมไม่เคยมองตัวเองเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่
จะอายุเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณจะจัดการกับระบบอุปถัมภ์ยังไงต่างหาก จะต่อต้านหรือจะยินยอมให้มันเกิดขึ้นต่อไป เพราะเมื่อไหร่ที่คุณยอม นั่นหมายถึงคุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในทุกวันนี้ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทางแก้

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

ความขัดแย้งที่เราสั่งสมมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 กำลังทำให้ประเทศเราล่มสลาย จุดเริ่มต้นของการทำรัฐประหาร จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งในปีหน้าเท่ากับว่าเราอยู่ภายใต้ความขัดแย้งนี้มามากกว่า 13 ปี และถ้ารัฐบาลชุดนี้ชนะการเลือกตั้งอีก เราก็จะดำเนินสังคมภายใต้รัฐบาลทหารต่อไปอีก 4 ปี

คนไทยต้องการอะไร?

ผมว่าไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้หรอก ไม่มีทางที่ทุกคนในประเทศจะมีความต้องการเหมือนๆ กัน แต่สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับเหมือนกันคือสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและทำตามความฝันของตัวเอง

ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี….

อย่างแรกที่จะทำคือ การทำให้รัฐประหารกลายเป็นเพียงแค่หนึ่งหน้ากระดาษของประวัติศาสตร์ไทย ผมจะไม่ยอมให้มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก

รู้สึกยังไงกับฉายา "ไพร่หมื่นล้าน" ?

ผมตลกกับคำว่า “ไพร่” นะ คือไพร่เนี่ยหมายถึงคนที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่ได้มีอำนาจตัดสินชีวิตของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเส้นคั่นบางๆ ระหว่างคำว่า “ทาส” และ “คนธรรมดา” จนกระทั่งช่วงปีพ.ศ. 2475 ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่ให้ไพร่เกิดมีสิทธิ์มีเสียงขึ้นมาอย่างเท่าเทียม มีสิทธิ์ในการเลือกผู้นำของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าตรงนี้ คนที่ไม่เห็นด้วย ย่อมต้องการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จนถึงทุกวันนี้ เรายังอยู่ในสมรภูมิการต่อสู้ที่ยังไม่จบระหว่างนิยามของความเท่าเทียม เพราะเมื่อไหร่ที่ทุกคนเข้าใจและนำแนวคิดของความเท่าเทียมไปใช้ได้จริง รัฐประหารก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกในสังคมไทย

LEAVE A COMMENT