ชวนอากงอาม่าไปนั่งกินติ่มซำรอหลานๆ บน Yao รูฟท็อปบาร์สไตล์จีนโมเดิร์นกับวิวพาโนราม่ารอบเมืองกรุงเทพฯ
“หลื๊อจะออกไปข้างนอกอีกแล้วช่ายม๊ายอาหมวย”
เราที่กำลังแอบไขประตูเหล็กในยามวิกาล ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
“พาอั๊วออกไปด้วย อั๊วเหงา”
“อาม่า หนูจะไปบาร์รูฟท็อป สูงมากเลยนะ อาม่าไปไหวเหรอ”
“บอกให้พาไป ก็พาไปสิเอ๊ะ ยึกยักอยู่ได้”
เราขับรถตามเส้นถนนสุรวงศ์จนมาเจอโรงแรม Marriott Hotel The Surawongse พอดิบพอดี เพราะได้ยินมาว่าทางโรงแรมมีรูฟท็อปบาร์เปิดใหม่ แนวจีนๆ ที่อาม่าบอกว่าคล้ายกับสมัยนางไปเที่ยวมหานครเซียงไฮ่ตอนยังสาว พร้อมสาธยายประวัติศาสตร์จีนระหว่างรอขึ้นลิฟต์จนเกือบถึงราชวงศ์ชิง (ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนประเทศจีนจะเปลี่ยนระบอบการปกครองพอดี นานแมะ)
พอขึ้นมาถึงชั้น 33 เราสองคนก็ได้แต่ตื่นตระหนกกับความสูงเสียดฟ้าของที่นี่ (แม้ว่าจะสูงไม่เท่าตึกของโรงแรมไบหยกที่ทำเราเกือบขาดอากาศหายใจตาย) แต่วิวที่ได้ฝั่งนึงก็เป็นวิวหลักล้านของแม่น้ำเจ้าพระยาและอีกทางหนึ่งเป็นตึกสูงต่างๆ พอดื่มด่ำกับบรรยากาศจนได้ที่แล้ว เราเลยลงไปห้องอาหารของ Yao ที่อยู่ชั้นล่าง (ชั้น 32) ซึ่งอิทธิพลความเป็นจีนสะท้อนให้เห็นเด่นชัดผ่านวัสดุอย่างบานเกล็ดไม้สลักลาย และเครื่องปั้นดินเผาดูเก๋ๆ
ค็อกเทลของที่นี่ ล้วนมีสีสันสดใสและกลิ่นอายความเป็นจีนครบถ้วน เราลองสั่ง Sweet Little Jade (428 บาท) แก้วเบสวอดก้าสีหยกรสเปรี้ยวที่ผสมเหล้ามิโดริและโปรเซสโกเข้ากับกีวีและน้ำมะนาว แต่เราไม่อินเพราะเราชอบสีม่วงมากกว่าเลยสั่ง City Upon the Sky (298 บาท) มาลองอีกแก้วที่ทางบาร์เทนเดอร์บอกเราว่าที่ทำออกมาได้สีม่วงจับใจแบบนี้ เพราะกลั่นสีมาจากดอกอัญชันนั่นเอง
แต่ความโป๊ะของงานนี้คือการไม่มีชุดติ่มซำที่อาม่าเราถวิลหา เราจึงรีบคว้าเมนู(ผลงานของเชฟบรูซ ฮุย) มาอ่านดูเพื่อสยบความอยากอาหารจีนของอาม่า โดยเริ่มจากไก่ทอดเสฉวน (288 บาท) ที่ได้รสกลมกล่อม หวานเค็มพอดีกัน ขณะที่เบอร์เกอร์ที่ทางร้านนำแป้งซาลาเปามาใช้แทนแป้งบันอย่าง Minibao Bao Burger (398 บาท) พร้อมไส้เป็ดย่าง หมูบาร์บีคิวและหมูกรอบนั้นก็เหมาะมากสำหรับสั่งมาทานเป็นกับแกล้ม
